.......................Welcome to blogger...................... Miss. Kanyarat Sankot. ☜ ❤ ☞ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่บล๊อกของ นางสาวกัญญารัตน์ แสนโคตร........~♬ ~♬. . . .

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สรุปบทความ

สรุปบทความเรื่อง
ฝึกทักษะสังเกตนำลูกสู่การเรียนรู้วิทยาศาสตร์

บริษัท แฟมิลี่ วีคเอนด์ จำกัด 
06/04/2011

            จากบทความนี้สรุปได้ว่า การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของเด็กนั้นเป็นเรื่องง่าย  และไม่ยุ่งยาก เพราะโดยธรรมชาติของเด็กแล้วนั้นเด็กจะมีความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งที่อยู่รอบๆตัวตลอดเวลา  เพราะเป็นวัยที่อยู่ในช่วงสมองมีการพัฒนาสูงสุด  ยิ่งเด็กนั้นได้พัฒนาทักษะที่สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็กแล้ว  ยิ่งจะทำให้มีทักษะและศักยภาพการเรียนรู้ที่สูงยิ่งขึ้น  ในบทความนี้ก็ได้กล่าวในเรื่องทักษะการสังเกตไว้ว่าทักษะการสังเกตนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ และได้ให้ความหมายของการสังเกต หมายถึง  การที่ใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่ง  หรือหลายอย่างมารวมกัน  ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ เพื่อต้องการรู้รายละเอียดของสิ่งนั้น ๆ ที่จะนำมาซึ่งการเรียนรู้ที่มากขึ้นและเด็กจะเก็บเป็นข้อมูลหรือประสบการณ์ต่อไป จึงพูดได้อีกอย่างว่าสำหรับสำหรับเด็กๆ แล้วการสังเกตจะเกิดจากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้านั่นเอง และจากประสบการณ์ที่ได้รับจะทำให้การสังเกตของเด็กพัฒนาขึ้น การสังเกตสามารถกลายเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ที่มีคุณค่าในที่สุด



การส่งเสริมทักษะการสังเกตผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า


*  ฝึกสังเกตด้วย ตา   

             ในการสังเกตโดยใช้ ตานั้น  คุณพ่อคุณแม่ควรแนะให้ลูกรู้จักสังเกตลักษณะของสิ่งต่างๆ  สังเกตความเหมือน ความต่าง รู้จักจำแนก และจัดประเภท จะช่วยให้เด็กมี นิสัยในการมองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว โดยเริ่มจากการชี้ให้เด็กดูสิ่งที่เขาเห็นอยู่ทุกวัน เช่น ต้นไม้บริเวณบ้าน  ลองเก็บใบไม้ต่าง ๆ ที่หล่นอยู่บนพื้นมาให้ลูกดู ให้เขาสังเกตสีของใบไม้ต่าง ๆ  ที่มีทั้ง
สีเขียว  สีเหลือง สีแดง สีน้ำตาล ฯลฯ  รวมทั้งมีรูปร่างลักษณะที่ทั้งคล้ายกันและต่าง กัน  ให้เด็กสังเกตลักษณะรูปทรงต่าง ๆ ของพืช เช่น เป็นลำต้นตรงสูงขึ้นไป เป็นเถาเลื้อยเกี่ยวพันกับต้นอื่น สังเกตความแตกต่างของดอกไม้และผลไม้ต่าง ๆ เช่น ดอกชบาสีแดง ดอกดาวเรืองสีเหลือง ดอกลั่นทมสีขาว ฯลฯ
              นอกจากใบไม้ ลำต้น กิ่ง ก้านแล้ว  เราควรจัดหาเมล็ดพืชหลาย ๆ ชนิดมาให้เด็กเล่นเพื่อสังเกตลักษณะรูปร่างขนาด สี และหัดแยกประเภท และจัดหมวดหมู่ อุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากสำหรับการสังเกต คือ แว่นขยาย เด็ก ๆ มักตื่นเต้นที่ได้ เห็นสิ่งต่าง ๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น และเห็นรายละเอียดอย่างชัดเจน เช่น ตัวมด ลายใบไม้ เส้นผม ผิวหนัง ก้อนหิน เม็ดทราย เป็นต้น
              นี่เป็นเพียงหนึ่งในสิ่งใกล้ตัว ที่ผู้ใหญ่อย่างเรานำมาชี้ชวนให้เด็กได้ฝึกทักษะการสังเกต รอบๆ ตัวลูกมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่จะฝึกเรื่องนี้ให้เขาได้


*  ฝึกสังเกตด้วย หู  
            ในการจำแนกเสียงต่างๆ ที่ได้ยินนั้น จะมีพื้นฐานที่ดีในการเรียนรู้ภาษา  ทั้งยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาด้วย เราอาจใช้วิธีอัดเสียงที่เด็กคุ้นหู เช่น เสียงสัตว์ต่าง ๆ เสียงนก เสียงแมลง จิ้งหรีด  จักจั่น เสียงน้ำไหล เสียงดนตรีชนิดต่าง ฯลฯ แล้วเปิดให้เด็กทายว่าเป็นเสียงอะไร ให้เด็กหัดสังเกตความแตกต่างของเสียงเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเชื่อมโยงไปสู่การสอนเขาเกี่ยวกับลักษณะของแหล่งเสียงต่างๆ นั้นได้  
             สำหรับการฟังเสียงสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว อาจใช้วิธีให้ลูกปิดตาแล้วเดาว่าเสียงที่เขาได้ยินนั้นเป็นเสียงอะไร เช่น เสียงเคาะไม้ เคาะแก้ว  เสียงตีกลอง เสียงเคาะโต๊ะ เป็นต้น การฟังเสียงที่แตกต่างกันของวัตถุเหล่านี้ เด็กจะเรียนรู้ถึงความแตกต่างของวัตถุ ซึ่งทำให้เกิดเสียงที่ต่างกันไป นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูกทำเครื่องดนตรี หรือเครื่องให้จังหวะจากวัสดุต่าง ๆ ที่ให้เสียงที่แตกต่างกัน เช่น กระป๋องอัดลมที่ใส่เม็ดถั่วเขียว ก้อนกรวดเล็กๆ หรือทรายไว้ข้างใน ลูกซัดหวายร้อยด้วยฝาน้ำอัดลม กรับไม้ไผ่ ฯลฯ หรือชวนลูกไปสวนสาธารณะ ให้เขาปิดตาเงี่ยหูฟังเสียงแล้วบอกว่าเขาได้ยินเสียงอะไรบ้าง ลูกอาจจะได้เรียนรู้ว่าการเงียบแล้วเงี่ยหูฟังเสียงนั้น จะทำให้เขาได้ยินเสียงบางเสียงที่เขาอาจไม่ได้ยินขณะลืมตาฟังก็ได้ 


*   ฝึกสังเกตด้วย จมูก  
            การใช้จมูกดมกลิ่นเพื่อฝึกการสังเกตนั้น  ควรให้ลูกได้ดมสิ่งที่มีกลิ่นเหมือนและต่างกัน เพื่อให้เขารู้จักจำแนกได้ละเอียดขึ้น การฝึกลูกในขั้นแรก คือปิดตาลูกแล้วให้ดมกลิ่นสิ่งต่างๆ แล้วบอกว่าเป็นกลิ่นอะไร กลิ่นที่นำมาให้ลูกดมควรเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน เช่น แป้ง สบู่ ผลไม้ ส้ม ดอกไม้  หัวหอม กระเทียม กะเพราะ  ฯลฯ  หลังจากที่ลูกสามารถจำแนกกลิ่นต่าง ๆ ได้แล้ว ควรให้ดมกลิ่นสิ่งที่มีกลิ่นคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง เช่น สบู่ต่างชนิดกัน ดอกไม้ต่าง ๆ ใบไม้ ผลไม้ เช่น ส้มกับมะนาว แล้วให้เด็กบรรยายความรู้สึกที่มีต่อกลิ่นนั้นๆ เช่น ดอกไม้นี้หอมชื่นใจ ดอกนี้หอมแรงไป ใบไม้นี้มีกลิ่นหอม ใบนี้กลิ่นคล้ายของเปรี้ยว  ใบนี้กลิ่นร้อนๆ เป็นต้น นี่คือการฝึกทักษะการแยกแยะ สังเกตให้ลูก


*  ฝึกสังเกตด้วย ลิ้น  
             การใช้ลิ้นชิมรสอาหารต่าง ๆ เป็นกิจกรรมที่เด็กสนุกสนานเพราะสอดคล้องกับธรรมชาติของเด็กที่ชอบชิม แทะสิ่งต่าง ๆ อยู่แล้ว การให้เด็กได้ชิมรสต่าง ๆ นี้ก็เพื่อให้รู้จักความแตกต่างของรสชาติ และรู้จักลักษณะของสิ่งที่นำมาใช้เป็นอาหารดียิ่งขึ้น ในการจัดกิจกรรมนั้น คุณพ่อคุณแม่นำอาหารชิ้นเล็ก ๆ หลายๆ อย่างใส่ถาดให้ลูกปิดตาแล้วพ่อแม่ใส่ปากให้ชิมและตอบว่า กำลังชิมอะไร รสเป็นอย่างไร เช่น น้ำตาล-หวาน  เกลือ-เค็ม  วุ้น-หวาน  ส้ม-เปรี้ยว  มะนาว-เปรี้ยว  ขนมชั้น-หวาน มะระ-ขม เป็นต้น  หลังจากนั้นให้เปรียบเทียบอาหารที่มีรสคล้ายกันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร  เช่น ส้มกับมะนาว/ น้ำตาลกับขนมแตกต่างกันอย่างไร



*  ฝึกสังเกตด้วย ผิวหนัง   
             การเรียนรู้ด้วยการใช้มือสัมผัส แตะ หรือเอาสิ่งของต่าง ๆ มาสัมผัสผิวหนัง ช่วยให้เด็กได้ เรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของวัตถุต่าง ๆ และเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่อาจนำวัตถุต่างๆ ใส่ถุง ให้ลูกปิดตาจับของในถุงนั้น แล้วให้บอกว่าสิ่งที่จับมีลักษณะอย่างไร เช่น นุ่ม แข็ง หยาบ เรียบ ขรุขระ เย็น อุ่น บาง หนา ฯลฯ โดยสิ่งของที่นำมาใส่ในถุงควรมีพื้นผิวแตกต่างกัน เช่น ผ้าเนื้อต่าง ๆ กระดาษ หยาบ ฟองน้ำ ไม้ ขนนก เหรียญ ฯลฯ นอกจากเด็กจะได้ฝึกใช้ภาษาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของเหล่านี้แล้ว ยังได้เรียนรู้ลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันของวัตถุแต่ละชนิดอีกด้วย

                การได้ฝึกสังเกตด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้านี้ จะก่อให้เกิดการเรียนรู้ เกิดเป็นข้อมูลขึ้นในสมองของลูก เพื่อการเรียกมาใช้ในวันหนึ่งข้างหน้านั่นเอง...